Sunday, August 22, 2010

ขอหยุดอัพชั่วคราวนะครับ

ช่วงนี้ ใครเข้ามาแล้ว ไม่เห็นอัพข้อมูไม่ต้องตกใจนะครับ คือผมจะขอหยุดอัพชั่วคราวเพื่อไปเปิดเวบไซต์แบบเต็มตัวครับ อดใจรออีกนิดนะครับ ไม่นานเกินรอครับ

Monday, August 16, 2010

Photoshop: White Teeth in Photoshop ยิ้มอย่างมั่นใจ ด้วยการทำฟันขาว

Photoshop: White Teeth in Photoshop ยิ้มอย่างมั่นใจ ด้วยการทำฟันขาว

   แหม่  วันนี้เข้าไปดูใน Youtube มา ก็ได้อะไรมาเยอะครับ  ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายๆ แต่ว่าได้ผลนัก ซึ่งผมมั่นใจว่า เพื่อนๆที่ยังไม่ชำนาญนัก ก็สามารถทำได้ด้วยตัวเองง่ายๆ กับการทำให้ฟันขาวขึ้น  โดยผมได้นำ วีดีโอจาก youtube มาให้ดูกันครับ ซึ่งหากดูแล้ว เข้าใจทุกคนแน่นอนครับ (วิธีการทำอันไหน ที่เข้าใจง่าย แค่ดูวีดีโอก็ได้ ผมจะไม่เขียนรายละเอียดมากนะครับ แต่หากเป็นวิธีการที่มีขั้นตอนซับซ้อน ผมจะอธิบายที่ละัขั้นตอนอย่างละเอียด ซึ่งหากเพื่อนๆคนไหน สนใจการปรับแต่งแบบไหน สามารถเมลมาบอกผมได้เลยครับ เดี๋ยวจัดให้)



ดูบทความอื่นๆของ Photoshop คลิก

Awesome Eyes in Photoshop (ปรับดวงตาให้คมชัด)

Awesome Eyes in Photoshop (ปรับดวงตาให้คมชัด)


   พอดี แอบไปดู youtube มา แล้วเห็นเทคนิค วิธีการปรับภาพดวงตาของเราในภาพถ่ายให้คมชัด เห็นแล้วหวั่นไหว เลยนำวีดีโอ มาให้เพื่อนๆให้ดูและลองทำกันดูครับ




ดูบทความอื่นๆให้ Photoshop คลิก

บทที่ 8 วิธี Save File งานใน Photoshop

วิธี Save File งานใน Photoshop

ทุกครั้งที่เราทำงานเสร็จ แน่นอนครับ เราต้อง Save อิอิ ซึ่งการเซพของ Photoshop นั้นจะมีหลายแบบ แต่ก็ไม่ทำให้งง ซึ่งหลักๆเลยจะมีอยู่ 2 แบบเท่านั้น เราไปดูกันเลยดีกว่าครับ

ไฟล์ประเภทต่างๆ ของ Photoshop

1. Save เป็น PSD ไฟล์ คือไฟล์มาตราฐานของ Photoshop ถ้าเราต้องการแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงรูปภาพในครั้งต่อไป เราจำเป็นต้องบันทึก หรือ Save ในรูปแบบของ PSD เทานั้น Layer ต่างๆก็ยังอยู่ครยด้วย (การใช้งานเพียงคลิกเลือก File และคลิกคำสั่ง Save)   (วิธีเซพแบบนี้ จะไม่สามารถนำภาพไปใช้งานหรือโชว์คนอื่นได้ครับ แต่เป็นการเก็บงานต้นฉบับเอาไว้ เผื่อมีการแก้ไขครั้งต่อไป โดย .PSD สามารถเป็นได้กับโปรแกรม Photoshop เท่านั้นครับ )


2. Save for Web &Devices เป็นการบันทึกเพื่อใช้สำหรับใช้งานบนเว็บ หรือสื่่ออื่นๆ สามารถบันทึกเป็นไฟล์ประเภท Jpeg, GIF, PNG, WBMP เป็นต้น ไฟล์ที่ได้มีขนาดค่อนข้างเล็ก (การใช้งานให้คลิกเลือกเมนู File เลือกคำสั่ง Save for Web & Devices) (หากต้องการเซพเพื่อนำไปใช้งานแนะนำให้ใช้ข้อนี้ครับ ซึ่งเราสามารถกำหนดความละเอียดก่อนเซพได้ด้วย เพื่อนๆลองดูกันเอานะ ไม่ยากครับ)

3.ไฟล์ประเภทอื่นๆ เช่น Jpeg, PNG, TIFF, PCX, GIF เป็นต้น สามารถสั่งบันทึกได้โดยการเรียกใช้คำสั่งจากเมนู File เลือกคำสั่ง Save หรือ Save as (สำหรับข้อแตกต่างของการบันทึกด้วยวิธีนี้กับบันทึกด้วย Save For Web & Devices ก็คือ ไฟล์ที่บันทึกด้วย Save, Save as ไฟล์ที่ได้จะมีขนาดใหญ่กว่า และคุณภาพสูงกว่า
สำหรับผู้ใช้งาน Photoshop เวอร์ชั่นเก่าๆ อาจไม่มีคำสั่ง Save for Web & Devices นะครับ

รอบนี้ก็เหมือนเดิมครับ เอา VDO จาก youtube มาให้ดูเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้นกันด้วยครับ



อ่านบทความอื่นๆของ Photoshop คลิก

Friday, August 13, 2010

วันหยุดยาวขอหยุดอัพเดท ไปเที่ยวก่อนนะคร้าบ

วันหยุดยาว 12-15 สิงหาคม 2553 นี้ ผมขอหยุดอัพเดทสักพักนะครับ (ขอแอบหนีไปเที่ยวหน่อย อิอิ) ซึ่งกลับมา ก็จะมาบอกเรื่อง วิธี Save file งาน รูปแบบต่างๆ ซึ่งจะเป็นพื้นฐานบทสุดท้ายนะครับ หลังจากวิธี Save File ก็จะเข้าสู่ workshop หรือ การทำภาพในรูปแบบต่างๆ กันแล้วครับ

Tuesday, August 10, 2010

Photoshop Multitouch

โอ้วบร๊ะเจ้า เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีไปกันไวจริงๆเลยนะครับ  เพิ่งจะคิดเล่นๆไปเองว่า เมื่อไรจะทำอะไรๆผ่านจอแบบหนังเรื่อง ironman บ้างนะ  แต่แล้ววันนี้ก็มาเจอจนได้ครับ ถึงจะไม่ใช่แต่ก็ใกล้เคียงกับ การทำ Photoshop ด้วยจอ Multitouch แต่ผมว่าคงต้องรออีกสักพักแหละครับ ตอนนี้ทำแบบเดิมไปก่อนดีกว่า เพราะดูแล้วยังเมื่อยเลย -0-

Sunday, August 8, 2010

บทที่ 7 Photoshop New file (การสร้างไฟล์ใหม่)

     บทที่ 7 Photoshop New file (การสร้างไฟล์ใหม่)

   เพื่อนๆหลายๆคนคงอยากรู้ใช่ไหมครับว่า ในหน้าสร้างไฟล์ใหม่ของ Photoshop นั้น เราสามารถกำหนดอะไรได้บ้างและทำได้อย่างไร เราไปดูวิธีสร้างไฟล์ใหม่กันเลยดีกว่าครับ

     1. คลิกเลือกเมนู File >> New (หรือกดปุ่มลุด Ctrl + N)


     2. ตั้งชื่อไฟล์ใหม่ในช่อง Name (ยังไม่ได้รีบตั้งก็ได้ครับ เอาไว้ไปตั้งเวลา Save file ก็ได้)  

     3. กำหนดขนาดของชิ้นงานโดย Width = ความกว้าง / Height = ความสูง ซึ่งใน Photoshop นั้นมี Format ขนาดงานที่มีการใช้บ่อยๆมาให้แล้ว โดยเลือกที่หัวข้อ Preset ครับ

     4. กำหนดคุณสมบัติของภาพและสี

         - Resolution คือความละเอียดของภาพ

               - ถ้าเป็นงานสำหรับ web page หรือ งานที่มีการแสดงผลบนจอภาพ แนะนำให้ใช้ที่ 72 pixels/inch ครับ เนื่องจากจอโดยทั่วไปสามารถแสดงความละเอียดได้ประมาณนี้ครับ

               - ถ้าเป็นงานสิ่งพิมพ์ต่างๆ แนะนำให้ใช้ที่ 300 Pixel/inch เพราะหากใช้น้อยๆภาพจะออกมาแตก หรือ ไม่สวยได้ครับ

         - Color Mode คือการเลือกโหมดสีของภาพ โดยทั่วไปเราจะใช้ RGB Color แบบ 8 Bit ครับ

     5. เลือกลักษณ์ของพื้นหลัง (Background)
  
         - White พื้นหลังเป็นสีขาว
         - Backgroung Color ให้พื้นหลังเป็น background ตามที่เรากำหนดใน Tools box
         - Transparest ปรับให้พื้นเป็นแบบโปร่งใส
   
     6. กำหนดโปรไฟล์สีและสัดส่วนพิกเซล (หมวดนี้โดยปกติแล้วไม่ต้องไปยุ่งกับมันก็ได้ครับ แค่รู้ไว้เฉยๆก็พอครับ)
       
         - Color Profile โปรไฟล์สีของภาพ สำหรับรูปภาพทั่วไปให้เราใช้แบบเดิมคือ sRGB....
         - Pixel Aspect Ratio สัดส่วนความกว้าง/สูงของ พิกเซล (Pixel) ปกติจะใช้ Square ครับ

     7. เมื่อเสร็จแล้วก็กด OK เพื่อสร้างไฟล์ได้เลยครับ


ดูบทความอื่นๆของ Photoshop คลิก
    

Saturday, August 7, 2010

บทที่ 6 Code Colors หรือ รหัสสี สำหรับใช้งานในบน Photoshop

Code Colors หรือ รหัสสี สำหรับใช้งานในบน Photoshop

    ปกติแล้วสีต่างๆ จะมี Code Colors หรือ รหัสสี ของตัวมันเองอยู่ด้วย ถ้าหากเกิดเพื่อนๆอยากจะใช้สีตามแบบที่มี โดยให้เหมือนเป๊ะ ก็คงต้องใช้รหัสสี เข้าช่วย เพราะหากตัดสินด้วยสายตา อาจจะไม่ได้สีที่ถูกต้องนะครับ

    โดยผมจะขออธิบายหลักการคำนวนง่ายๆของการคิด Code หรือ รหัสของแต่ละสี โดยมีหลักการดังนี้ครับ
  
     - แม่สีหลักคือ RGB (Red Green Blue) ซึ่งประกอบไปด้วย สีแดง,สีเขี่ยว และสีน้ำเงิน
     - ค่าของสีที่ใช้บนเว็บจะคิดโดยใช้เลขฐาน 16 มีค่าตัวเลขตั้งแต่ 0 ถึง 15 โดยเรียงลับดับ 0 - 9 และ  A,B,C,D,E,F (10-15)

     - Code Color หรือ รหัสสีจะประกอบไปด้วยกลุ่มตัวเลข 2 หลัก (มีค่าตั้งแต่ 0 - 255) แทน 1 สี เรียงตามลำดับ RGB คือ แดง เขียว น้ำเงิน เช่น

     - FF0000  หมายถึง ใช้สีแดง FF (255) + สีเขียว 00 (0) + สีน้ำเงิน 00 (0) เมื่อทำการผสมออกแล้วจะได้เป็น  สีแดง

     - FFFF00 หมายถึง ใช้สีแดง FF (255) + สีเขียว FF (255) + สีน้ำเงิน 00 (0) เมื่อผสมกันจะได้เป็น สีเหลือง    เป็นต้น


ซึ่งความเป็นจริงแล้ว เราไม่จำเป็นต้องมานั่งคิดคำนวนผสมสีกันให้ปวดสมองหรอกครับ เพียงแค่ให้รู้ว่ารหัสสีต่างๆ มันมายังไงก็พอครับ ส่วนเรื่องรหัสสีต่างๆนั้น เพื่อนๆสามารถ เซพภาพนี้เก็บไว้ใช้ได้เลยครับผม

คลิกที่ภาพเพื่อขยายใหญ่ก่อนแล้วค่อยเซพนะครับ



ดูบทความอื่นๆของ Photoshop คลิก

Thursday, August 5, 2010

บทที่ 5 ประเภทของไฟล์ที่ใช้ใน Adobe Photoshop

ประเภทของไฟล์ที่ใช้ใน Adobe Photoshop



     ภาพกราฟฟิกที่เราสามารถนำมาใช้ในโปรแกรม Photoshop ได้ จะมีอยู่หลายชนิด โดยแต่ละชนิดก็จะเหมาะกับงานที่มีลักษณะแตกต่างกันออกไปดังนี้ครับ



1. ภาพแบบ GIF (Graphic Interchange Format)
     ไฟล์ประเภท Gif จะนิยมนำมาใช้สร้างเป็นภาพ โลโก้(logo) , การ์ตูน , ตัวอักษร , ภาพเคลื่อนไหว โดยมีจุดเด่นตรงที่สามารถกำหนดให้ฉากหลัง หรือพื้นที่บางส่วนโปร่งใสได้ หรือที่เรียกว่า (Transparent) แต่ก็มีข้อจำกัดตรงจำนวนสี ที่สามารถใช้ได้สูงสุดเดียง 256 สี โดยมีลักษณะเป็นสีทึบ ไม่มีการใส่ระดับสีมากนัก และมีของที่คมชัด ซึ่งเราสามารถจะกำหนดให้ภาพแสดงผลแบบ เบลอก่อนแล้วค่อยๆชัดขึ้นได้ (Interface)

    ภาพชนิด GIF นี้จะมีนามสกุลเป็น .GIF และมักมีขนาดเล็กทำให้โหลดเร็ว ซึ่งส่วนมากมักจะนำ .GIF มาใช้ทำเป็นภาพเคลื่อนไหวบนเวปไซต์กันครับ



2. ภาพแบบ JPEG (Joint Photographic Expert Group)


   ภาพชนิดนี้สามารถแสดงสีได้มากถึง 16.7 ล้านสี (24 บิท) จึงเหมาะสมหรับภาพถ่ายจากกล้อง หรือ ภาพที่ใช้สีจำนวนมาก แต่ไม่สามารถทำให้โปร่งใส่ได้เหมือนภาพ GIF นอกจากนี้เรายังกำหนดขนาด หรือ บีบอัดภาพให้มีขนาดเล็กๆได้ (แต่คุณภาพก็จะน้อยลงด้วย) สำหรับรูปแบบไฟล์ JPEG นี้ ภาพที่ออกมาจะมีนามสกุลเป็น .jpg , .jpeg , .jfif หรือ .jpe


3. ภาพแบบ PNG (Porttable Network Graphic)


   เป็นรูปแบบไฟล์ภาพที่พัฒนาขึ้นมาใช้แทนรูปแบบไฟล์แบบ GIF โดยจะมีคุณสมบัติโปร่งใสได้เหมือน GIF และสามารถใช้สีได้มากเหมือน JPEG โดยจะมีให้

ปรับได้ 2 แบบคือ PNG-8 และ PNG-24

PNG-8 จะมีคุณสมบัติใกล้เคียงกับ .GIF คือทำโปร่งใส่ได้ มี 256 สี เหมาะกับทำภาพ Logo , การ์ตูน และภาพวาดลายเส้น

PNG-24 จะมีคุณสมบัติของทั้ง GIF และ JPEG คือโปร่งใสได้ และมี 16.7 ล้านสี เหมาะสำหรับภาพถ่าย
โปรแกรมที่ใช้สร้างภาพแบบ PNG ได้ คือ Adobe Firework CS3 ขึ้นไป เป็นต้น



4. TIFF (Tagged Image File Format)


เป็นไฟล์ภาพที่นิยมใช้งานทางด้านสิ่งพิมพ์ เช่น โปรแกรม Page Maker และ Adobe Indesign หรือ Photoshop เป็นต้น ซึ่งไฟล์นี้ใช้ได้ท้ังบนเครื่อง พีซี และ แมค ไฟล์ชนิดนี้จะได้ภาพที่มีคุณภาพสูงมาก แต่ไฟล์จะมีขนาดใหญ่ตามไปด้วย หากทำการบีบอัดแบบ LZW และ ZIP จะไม่มีข้อมูลสูญเสียคุณภาพของภาพ แต่ถ้าเลือกบีบอัดแบบ JPG คุณภาพหรือความคมชัดของรูปก็จะลดลง สำหรับนามสกุลในไฟล์ประเภทนี้จะเป็น .tif หรือ .tiff


5. RAW File
   คือไฟล์ดิบข้อมูลดิบทั้งหมดที่กล้องดิจิตอลบันทึกไว้ ซึ่งภาพที่บันทึกจะเป็นแบบ .JPEG แต่จะมีขนาดใหญ่มาก กล้องแต่ละค่าย ก็จะมีการบันทึกไฟล์ RAW ที่ต่างกัน (นามสกุลของไฟล์ที่ได้ก็จะต่างกัน) และจะไม่สามารถเปิดดูในเครื่องคอมพิวเตอร์เหมือนภาพแบบทั่วไปได้ ต้องมีโปรแกรมเฉพาะที่มีคุณสมบัติสำหรับการเปิดไฟล์ RAW ของกล้องรุ่นนั้นๆเพื่อแก้ไข



ดูบทอื่นๆของ Photoshop คลิก

Monday, August 2, 2010

บทที่ 4 Photoshop กลุ่มเครื่องมือในกล่องเครื่องมือ (Tools Box) มีอะไรบ้าง ?

       จากกลุ่มเครื่องมือหลักที่ผมได้เคยบอกไปแล้วใน บทที่ 2 ส่วนประกอบของ Photoshop (Photoshop Workspace) ซึ่งคราวนี้ผมจะ มาแชร์ให้ทราบถึงกลุ่มเครื่องมือต่างๆในกล่องเครื่องมือ (Tools Box) เนื่องจากกล่องเครื่องมือนี้ เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการใช้งาน Adobe Photoshop โดยผมจะแนะนำไปทีละกลุ่มนะครับว่า เครื่องมือ แต่ละตัวทำหน้าที่อะไรกันบ้าง

เครื่องมือกลุ่มเลือกภาพ (Selection Tools)


MarqueeTools  - เป็นเครื่องมือสร้าง Selection หรือ ใช้ทำการเลือกขอบเขตบนภาพ



Polygonal Tool - เครื่องมือสร้าง Selection เลือกรูปภาพแบบเป็นเหลี่ยมมุม (สังเกตุจากตัว Icon ที่เครื่องมือ)
Lasso Tool - เครื่องมือสร้าง Selection แบบคลิกลากเลือกได้อิสระ
Magnetic Tool - ใช้สร้าง Selection แบบยึดเกาะไปตามแนวเรื่อยๆที่คลิกผ่าน


Quick Tool - สร้าง Selection ไปตามพื้นที่ ที่เราทำการเลือก (เวลาลากกดเมาส์ค้างนะครับ)
Magic Wand - สร้าง Selcetion แบบยึดตามสีที่ใกล้เคยงกัน (คลิกทีเดียวเลือกทั้งแถบถ้าสีใกล้เคียงกัน)


เครื่องมือกลุ่มตัดและแบ่งภาพ (Crop and Slice)

Crop Tool - เครื่องมือตัดภาพ หรือ Crop ภาพ เอาเฉพาะส่วนที่เราต้องการ
Slice Tool - ใช้แบ่งภาพออกเป็นชิ้นๆ (มีประโยชน์มากในการทำ website)
Slice Select Tool - ใช้สำหรับเลือกและแก้ไขภาพที่เราตัดโดยใช้เครื่องมือ Slice เอาไว้แล้ว


เครื่องมือกลุ่มตกแต่งและแก้ไขภาพ (Retouching Tools)


Spot Healing Brush - ใช้แก้ไขจุดบกพร่องหรือลบรอยสิ้วหรือรอยที่ไม่ต้องการบนภาพ
Healing Brush - ใช้แก้ไขภาพโดยการเลือกสีหรือภาพอื่นๆมาแต้มทับ
Path Tool - ใช้แก้ไขภาพ แบบตัดจากภาพอื่นมาทับแปะเอา
Red Eye Tool - ใช้แก้ไขภาพตาแดงที่เกิดจากการภ่ายภาพ


Clone Stamp Tool - ใช้ก๊อปปี้ (Copy) ภาพโดยการเลือกพื้นที่ (ALTค้าง + Click) จากภาพต้นฉบับไปสแตมป์ทับจุดที่จะแก้ไข
Pettern Stamp Tool - ใช้สแตมป์ลวดลายลงบนพื้นที่ ที่ต้องการ


Eraser Tool - ใช้ลบภาพ คิดซะว่าเป็นยางลบอ่ะครับ
Blackground Eraser Tool - ใช้ลบฉากหลังออกด้วยการเลือกสีที่ต้องการจะลบ
Magic Eraser - ใช้คลิกลบสีพื้นหลังแบบรวดเร็ว


Blur Tool - ใช้ระบายภาพให้เบลอในจุดที่เลือก
Sharpen Tool - ใช้ระบายภาพให้คมชัดในจุดที่เลือก
Smudge Tool - ใช้เกลี่ยสีในภาพให้กลมกลืนหรือใช้ลบขอบภาพ

Dodge Tool - ใช้สำหรับแก้ไขหรือเพิ่มความสว่างให้ภาพ
Burn Tool - ใช้สำหรับลดความสว่างให้ภาพ
Sponge Tool - ใช้สำหรับเพิ่มหรือลดความอิ่มตัวของสี


เครื่องมือกลุ่มการวาดภาพ (Painting Tools)

Brush Tool - หัวแปรงไว้ใช้สำหรับวาดภาพหรือระบายสี
Pencil Tool - ดินสอใช้ระบายสี หรือ ขีดเส้น (เส้นเล็กกว่า Brush)
Color Replacement Tool - เป็นพูดกันใช้ระบายสีแทนสีเดิม
Mixer Brush Tool - หัวแปรงสีสามารถผสมสีในภายได้


Gradient Tool - เครื่องมือเทสีลงในภาพแบบไล่ระดับสี
Paint Bucket Tool - เครื่องมือเทสีแบบสีเดียวเต็มๆ


Pen Tool - ใช้วาดกราฟิกแบบเส้น Path หรือ วาดแบบ Vector
(ตัวอื่นเป็นความสามารถต่างๆ ที่สามารถทำได้กับ Pen Tool ลองดูสัญลักษณ์ที่ภาพจะเข้าใจเลยครับ)





Type Tool - ใช้สำหรับการพิมพ์ข้อความ
Type Mask Tool - คือการพิมพ์ข้อความแบบโปร่งใส่โดยตัดภาพพื้นหลังมาเป็นรูปร่าง



เอาล่ะครับ คิดว่าคงจะครบแล้วสำหรับ Tool หลักๆของ Adobe Photoshop  ถ้าเพื่อนๆอยากรู้อะไรเพิ่มก็บอกกันได้เลยนะครับ  เรื่องเครื่องมือต่างๆใน Photoshop ก็จบสักทีนะครับ (กว่าจะจบ 3 วัน -*- เนื่องจากไม่ค่อยมีเวลา)   ถ้ายังไงลองฝึกฝนใช้กันดูนะครับ ต่อไปก็จะเป็นเรื่อง Basic อีกหน่อยแล้วก็จะเข้าการทำ Work Shop ต่างๆกันแล้วครับ

 ดูบทอื่นๆของ Photoshop คลิก